ข้อที่ 8. สิ่งที่แท้จริงคืออะไรกันแน่?

หัวข้อนี้ทำให้เราเผชิญกับคำถามที่ว่า ทำไมคริสตชนจำนวนมากยังคงรักษาวันอาทิตย์เป็นวันสะบาโตทั้งที่ไม่ได้รับสิทธิ์อำนาจจากพระคัมภีร์? และสำคัญยิ่งไปกว่านั้น เราควรจะรักษาวันไหนเป็นวันสะบาโต? เราควรทำตามคนที่บอกว่า “ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรแตกต่างกันเพราะไหนๆ ฉันก็รักษาวันสะบาโตหนึ่งวันในเจ็ดวันอยู่แล้ว” หรือฉันควรจะให้ความสำคัญแก่วันที่พระเยซู (พระผู้สร้างของเรา) ทรงกำหนดขึ้นในเมื่อพระองค์ทรงสร้างโลกของเราและเป็นวันที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นในพระบัญญัติสิบประการที่ระบุว่า “วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะ‍บา‍โต”?

กรณีนี้เราต้องพิจารณาให้ละเอียดกว่าการรักษาวันสะบาโตแต่เพียงผิวเผินเสียแล้ว ถ้าเป็นดังที่ว่านี้ วันไหนเป็นวันที่ถูกต้องตามพระคัมภีร์กันแน่ ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเชื่อฟังพระเยซูต่างหาก พระผู้สร้างของเราได้ทรงกำหนดวันสะบาโตเป็น “วันบริสุทธิ์” เป็นเวลาสำหรับเราและครอบครัวได้เข้าใกล้พระองค์เพื่อความมั่นคงต่อพระองค์และฟื้นฟูจิตใจให้สดชื่นขึ้นอีกครั้ง การเลือกรักษาวันบริสุทธิ์ด้วยตนเองเราควรเชื่อใครกันแน่? จะเชื่อพระคริสต์ พระบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าหรือขนบธรรมเนียมมนุษย์? ทางเลือกชัดเจน เราจะเลือกคำสอนของมนุษย์หรือพระบัญญัติของพระเจ้า เลือกคำพูดของมนุษย์หรือพระวจนะของพระเจ้า เลือกการเปลี่ยนวันของมนุษย์หรือพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้ากันแน่

ดูเหมือนเทพยากรณ์ดาเนียลได้เตือนคนเหล่านั้นผู้ซึ่งจะ “พยายามเปลี่ยนแปลงบรรดาวาระและบรรดาธรรมบัญญัติ” (ดาเนียล 7:25, NIV)[“จงใจเปลี่ยนเวลาและพระบัญญัติ” (ดาเนียล 7:25 NKJV)] พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกประชาชนของพระองค์กลับมาเชื่อฟังพระองค์ พระองค์ทรงเชื้อเชิญพวกเขาให้รักษาวันสะบาโตเหมือนเป็นสัญญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์จงรักภักดีและแสดงความรักต่อพระองค์

พระเยซูตรัสว่า “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา” (ยอห์น 14:15) และพระเยซูทรงสัญญาจะมอบความยินดีปรีดาอย่างเต็มเปี่ยมให้แก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์อย่างเพียงพอที่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ (ยอห์น 15:9-11) เรามีพระผู้ช่วยให้รอดที่แสนมหัศจรรย์ พระองค์ทรงร้อนรนที่จะให้เราสัมผัสความรักของพระองค์อย่างบริบูรณ์ หัวใจที่ยินดีเชื่อฟังได้เปิดประตูกว้างต้อนรับความรักนั้น

ณ ที่สวนเกสเสมนี พระคริสต์ได้ทรงทำตามพระประสงค์ของพระบิดาอย่างสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าพระองค์ต้องผจญกับไม้กางเขนและไถ่ความบาปของโลกด้วยชีวิตของพระองค์ก็ตาม ดังที่พระองค์ได้ทูลร้องขอต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า “ขอโปรดให้ถ้วยนี้เลื่อนไปจากพระองค์ด้วยเถิด” พระองค์ยังคงจำยอมต่อคำปฏิญาณของพระองค์และกล่าวเสริมว่า “แต่อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” (มาระโก 14:36)

องค์พระคริสต์ทรงปรารถนาให้เราพบความสุขที่แท้จริง โดยการยกชีวิตของเราให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์จริงๆ และพระองค์ยังทรงมีพระประสงค์ให้เราได้รับความสนุกสนานจากการหยุดพักในวันสะบาโตอีกด้วย พระองค์ทรงปรารถนาให้เราเชื่อมั่นในพระองค์อย่างเพียงพอที่จะเชื่อฟังพระองค์ในรายละเอียดทุกเรื่องของชีวิตเรา ถ้าเราขานรับเสียงเรียกของพระผู้เป็นเจ้าและเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์ทั้งหมด เราจะได้รับคำมั่นสัญญาจากพระเยซูที่ว่าความยินดีของพระองค์ “จะอยู่ในท่าน” และ “ความยินดีของท่าน” จะ “เต็มเปี่ยม” (ยอห์น 15:11)

<< หน้าก่อน หน้าถัดไป >>