ข้อที่ 6. เราแบ่งปันพระคริสต์ด้วยการให้
ขณะที่เขาประกอบพิธีบัพติศมาแก่ผู้มีความเชื่อใหม่ อาจารย์เอช.เอ็ม.เอส. ริชาร์ด สังเกตว่าชายคนนั้นยังมีธนบัตรพับอย่างดีในกระเป๋าสตางค์ของเขา อาจารย์ถามว่าเขาลืมเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้ที่ห้องแต่งตัวหรือ ชายคนนั้นตอบว่า “กระเป๋าเงินของผมและตัวผมจะรับบัพติศมาด้วยกัน” แสดงว่าเขาเข้าถึงวิญญาณแห่งคริสตชนอย่างแท้จริงที่ว่า เงินมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น คริสตชนเราเติบโตได้โดยการให้และนี่คือเหตุผลว่าทำไม พระเยซูตรัสด้วยพระองค์เองว่า ”การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ” (กิจการของอัครทูต 20:35)
สิ่งที่เราถวายเพื่อช่วยการประกาศแผ่นดินพระเจ้าให้ก้าวหน้า จะคงมูลค่าไว้ตลอดนิรันดร์
“อย่าสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจทะลวงลักเอาไปได้ แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในสวรรค์....เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย” มัทธิว 6:19-21
ขณะที่ท่านถวาย โปรดจำว่า “แผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในนั้นเป็นของพระเจ้า” (สดุดี 24:1) รวมถึงเงินและทองคำ (ฮักกัย 2:8) เราเป็นของพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงสร้างเราและช่วยให้พ้นจากบาปโดยชำระค่าความบาปด้วยพระโลหิตของพระองค์ (1โครินธ์ 6:19-20) ทุกสิ่งที่เราเป็นเจ้าของจะเป็นของพระเจ้าทั้งหมด เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ “ให้กำลังแก่ท่านที่จะได้ทรัพย์สมบัตินี้” (เฉลยธรรมบัญญัติ 8:18)
พระเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขนและฟื้นขึ้น ทรงเชื้อเชิญเราให้แบ่งปันทรัพย์สินให้พระองค์เพื่อใช้ในการประกาศข่าวประเสริฐแก่ผู้อื่นมากเท่าไร?
“‘จะฉ้อพระเจ้าหรือ? แต่เจ้าทั้งหลายได้ฉ้อเรา’ แต่เจ้ากล่าวว่า ‘เราทั้งหลายฉ้อพระเจ้าอย่างไร?’ ‘ก็ฉ้อในเรื่องทศางค์และเครื่องบูชานั่นซี...พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลังเพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่’” มาลาคี 3:8-10
เงินทศางค์ หรือสิบลด เป็นจำนวน “หนึ่งในสิบ” ของ “ผลได้” ของเรา (เฉลยธรรมบัญญัติ 14:22 ปฐมกาล 28:22) สำหรับชาวไร่ชาวนาหรือพ่อค้า เงินหรือผลิตผลที่ได้หมายถึงรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายจากการทำธุรกิจแล้ว สำหรับพนักงาน เงินรายได้หมายถึงเงินเดือนทั้งหมด หลักการถวายเงินทศางค์ คือหลักทางศีลธรรมเพราะถือเป็นคุณลักษณะนิสัยอย่างหนึ่ง การไม่ถวายทศางค์ ถือเป็นการ “ฉ้อ” พระเจ้า เงินทศางค์เป็นของพระเจ้าเพื่อนำไปสนับสนุนเฉพาะการประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์เท่านั้น (1 โครินธ์ 9:14) และเพื่อให้ราชกิจของพระองค์บนโลกสำเร็จและพระองค์จะเสด็จกลับมา (มัทธิว 24:14)
เมื่อพระเยซูทรงอยู่ท่ามกลางพวกเรา พระองค์ทรงรับรองการถวายทศางค์ ในสมัยของพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ (มัทธิว 23:23)
เราควรถวายทรัพย์อื่นๆ มากเท่าไร? การถวายเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน “จงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ” (2โครินธ์ 9:5-7) ท่านควรมอบให้องค์พระผู้เป็นเจ้า
“จงให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับด้วยแบบยัดสั่นแน่นพูนล้นเต็มหน้าตักของท่าน” ลูกา 6:38
ครั้งหนึ่ง อาจารย์ เอช. เอ็ม. เอส. ริชาร์ด เล่าประสบการณ์ว่า
“นักพนันตัวยงคนหนึ่งเข้าร่วมการประชุมของผมที่เมืองลอสแอนเจลลีส ผมจะไม่ลืมเวลาที่ได้พูดคุยกับเขาด้านหลังห้องประชุมนั้นเลยตามลำพัง เขายื่นธนบัตรปึกหนึ่งจากกระเป๋าของเขา จำนวน 500 ดอลล่าร์ให้ผมทั้งหมดพร้อมพูดว่า ‘นี่คือเงินสิบลดก้อนแรกของผม’
เขามีสุขภาพไม่ดี เขาไม่ทำอะไรเลยนอกจากเล่นการพนันมาเป็นเวลา 30 หรือ 40 ปี ดังนั้นผมจึงพูดว่า ‘แล้วคุณจะอยู่อย่างไรครับ มีเงินพอใช้หรือไม่ครับ?’
เขาตอบ ‘ผมมีเหลืออยู่ห้าหกดอลล่าร์เท่านั้น แต่เงินก้อนนี้เป็นของพระเจ้าครับ’
แล้วผมถามว่า ‘คุณจะทำอะไรต่อไป?’
‘ผมไม่รู้’ เขาตอบ ‘แต่ผมรู้ว่าผมจะถวายสิบลดให้พระเจ้าแล้วพระองค์จะทรงดูแลผม’
“แน่นอนพระเจ้าทรงทำเช่นนั้นจริงๆ การกลับใจของชายคนนั้นทำด้วยความจริงใจ เขาอุทิศตนทุกวิถีทางและมีความสุขในชีวิตคริสเตียนของเขาและพระเจ้าทรงจัดหาให้เขาจนวันสุดท้ายของชีวิต” พระเจ้าไม่สัญญาที่จะให้ผู้เชื่อที่ซื่อสัตย์ทั้งหมดร่ำรวย แต่เชื่อมั่นว่าพระผู้สร้างของเราจะประทานสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต
พระคริสต์ทรงประทานทุกสิ่งทุกอย่างให้เราทั้งหลาย บัดนี้ ขอให้พร้อมใจกันถวายจิตใจทั้งหมดของเราให้กับพระองค์ แบ่งปันพระคริสต์ให้ผู้อื่นได้รู้จักโดยการใช้ชีวิต ความคิด การมองชีวิต การประพฤติและการแบ่งปันแก่ผู้อื่น การถวายให้พระเจ้าของเรา ทำไมเราจึงไม่ค้นหาความยินดีโดยการแบ่งปันพระคริสต์แก่ผู้อื่นและเติบโตในพระคุณอัศจรรย์ของพระองค์?