ข้อที่ 3. ความเป็นหนึ่งเดียวของพระคัมภีร์

ในความเป็นจริงแล้วพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นห้องสมุดของหนังสือจำนวน 66 เล่ม พระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม 39 เล่มเขียนขึ้นในช่วงเวลาประมาณปี 1450 ถึง 400 ก่อน คริสตกาลและพันธสัญญาใหม่อีก 27 เล่ม เขียนขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 50 ถึง 100

ผู้เผยพระวจนะโมเสสเริ่มเขียนหนังสือห้าเล่มแรกของพระคริสตธรรมคัมภีร์ ช่วง 1400 ปี ก่อนคริสตกาล อัครสาวกยอห์นเขียนพระธรรมวิวรณ์ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายในพระคริสตธรรมคัมภีร์ราวปีคริสตศักราช 95 ดังนั้นการเขียนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 1500 ปี ในการเขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ทั้งหมดและมีผู้เผยพระวจนะอย่างน้อยอีกสามสิบแปดคน ที่มีวิถีชีวิตแตกต่างกันที่ผู้ได้รับการดลใจให้เขียนหนังสือแต่ละเล่มขึ้นมา บางคนเป็นนักธุรกิจทำการค้า คนเลี้ยงแกะ ชาวประมงทหาร แพทย์ ผู้นำศาสนา กษัตริย์ ซึ่งมีวัฒนธรรมและหลักปรัชญาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

นี่คือเรื่องราวที่มหัศจรรย์หนังสือ 66 เล่ม หรือบทเรียน 1,189 บท หรือพระธรรม 31,173 ข้อ จากหลากหลายคนเขียนแต่มีเนื้อหากลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์แบบที่ได้รับการรวมเล่มเป็นพระคัมภีร์และมีการใช้สืบต่อกันมาจวบจนปัจจุบัน

สมมติมีชายคนหนึ่งเคาะประตูและเข้ามาในบ้านตามคำเชิญของท่าน เขาวางแผ่นหินอ่อนรูปร่างแปลกแตกต่างกันที่พื้นห้องนั่งเล่น จากนั้นเดินออกไปอย่างเงียบๆ ต่อมามีคนอีกประมาณ 40 คน ทยอยเดินตามเข้ามาทีละคน และทำอย่างเดียวกับคนแรก ด้วยการเรียงแผ่นหินอ่อนตามหมายเลขที่กำกับไว้

เมื่อคนสุดท้ายเดินออกไป ท่านต้องประหลาดใจที่เห็นรูปแกะสลักหินอ่อนงามสง่าตั้งอยู่ ต่อมาท่านทราบอีกว่าส่วนใหญ่ “ช่างแกะสลักเหล่านั้น” ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน พวกเขามาจากที่ต่างๆ กัน บ้างมาจากอเมริกาใต้ จีน รัสเซีย แอฟริกา และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก แล้วท่านจะสรุปว่าอย่างไร?เสมือนหนึ่งว่ามีคนวางแปลนรูปแกะสลักหินอ่อนนั้นไว้อย่างเรียบง่าย และแจกจ่ายชิ้นงานให้แต่ละคนแกะสลักเฉพาะส่วนของตนให้ถูกต้อง

พระคริสตธรรมคัมภีร์เปรียบเสมือนการนำข่าวสารที่แต่ละคนได้รับมาปะติดปะต่อกลายเป็นเล่มเดียวกัน เหมือนการปั้นรูปแกะสลักหินอ่อนที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งพระเจ้าทรงวางแผนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว การรวมเล่มพระวจนะอันน่าอัศจรรย์นี้ เป็นหลักฐานอย่างดีว่า ถึงแม้มนุษย์เป็นผู้เขียน แต่การเขียนของเขาล้วนเกิดจากการดลใจของพระเจ้า

<< หน้าก่อน หน้าถัดไป >>