ที่พลับพลาและวิธีนมัสการต่างๆ เป็นสิ่งที่พระเยซูกำลังทำหน้าที่อยู่ขณะนี้ในพลับพลาบนสวรรค์และบนโลก เพื่อให้คุณค่าและชี้ทางการดำเนินชีวิตประจำวันให้เราทุกคน
เพราะว่าพลับพลาบนโลกสะท้อนแบบอย่างพระวิหารในสวรรค์ซึ่งขณะนี้พระเยซูทรงปฏิบัติกิจอยู่ พระธรรมอพยพบทที่ 25-40 ให้รายละเอียดพิธีนมัสการและศาสนพิธีต่างๆมากมายของพลับพลาในป่ากันดารอย่างละเอียดถี่ถ้วนสำหรับการสรุปย่อการตกแต่งพลับพลามีปรากฏในพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่
“แม้แต่พันธสัญญาเดิมนั้นก็ยังมีกฎเกณฑ์ต่างๆ สำหรับศาสนพิธีและสำหรับสถานนมัสการในโลก......ในห้องชั้นนอกนั้นมีคันประทีป โต๊ะ และขนมปังเฉพาะพระพักตร์ ห้องนี้เรียกว่า วิสุทธิสถาน และข้างหลังม่านชั้นที่สองมีห้องซึ่งเรียกว่าอภิสุทธิสถาน ห้องนั้นมีแท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอมและมีหีบพันธสัญญาหุ้มด้วยทองคำทุกด้าน ภายในนั้น.....มีแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญา (แล้วพระองค์จึงทรงจารึกพระบัญญัติสิบประการ (เฉลยธรรมบัญญัติ 10:1-5) เหนือหีบนั้นมีตัวเครูบแห่งพระสิริ กางปีกคลุม (พระที่นั่งกรุณา) นั้น” ฮีบรู 9:1-5
พลับพลาที่สร้างขึ้นมีสองห้องคือ วิสุทธิสถาน (ห้องบริสุทธิ์) และ อภิสุทธิสถาน (ห้องบริสุทธิ์ที่สุดซึ่งอยู่ชั้นใน) มีลานด้านหน้าพลับพลาซึ่งมีแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ตั้งอยู่เพื่อให้ปุโรหิตใช้ประกอบศาสนพิธีและมีขันทองสัมฤทธิ์ ขนาดใหญ่ใช้ล้างมือล้างเท้า
การทำศาสนพิธีบนแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์นั้นเป็นสัญลักษณ์หมายถึงพระเยซู ซึ่งยอมสละพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขนจึงทรงเป็น “พระเมษโปดก (ลูกแกะ) ของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป!” (ยอห์น 1:29) เมื่อคนบาปที่สำนึกผิดมาที่แท่นบูชาเพื่อร่วมประกอบพิธีและสารภาพบาปของเขา เขาจะได้รับการอภัยและมีการชำระล้างความบาปออกไป ในทำนองเดียวกัน คนบาปในทุกวันนี้ได้รับการชำระล้างความ
บาปออกไปโดยพระโลหิตพระเยซู (1 ยอห์น 1:9)
ในห้องแรกเรียกว่า วิสุทธิสถาน มีที่ตั้งคันประทีปเจ็ดดวงที่จุดไฟตลอดเวลา หมายความถึงพระเยซูผู้ไม่เคยหยุดเป็น“ความสว่างของโลก” (ยอห์น 8:12) โต๊ะวางขนมปังเฉพาะพระพักตร์ เป็นสัญลักษณ์ของอาหารสำหรับร่างกายของเราและให้กับความหิวของจิตวิญญาณ ดังนั้นขนมปังจึงเหมือนเป็น “อาหารแห่งชีวิต” (ยอห์น 6:35) แท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม ความหมาย ของเครื่องหอม ควันของเครื่องหอมนั้นจะลอยขึ้นไปพร้อมคำอธิษฐานของเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า (วิวรณ์ 8:3, 4)
ห้องที่สองเรียกว่า ห้องอภิสุทธิสถาน (ห้องชั้นในหรือห้องบริสุทธิ์ที่สุด มีหีบพันธสัญญาหุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ เป็นสัญลักษณ์หมายถึงพระบัลลังก์พระเจ้า เป็นห้องไถ่บาปหรือพระที่นั่งกรุณาซึ่งพระเยซูทรงทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยช่วยเหลือคนบาปที่ละเมิดพระบัญญัติแห่งศีลธรรมของพระเจ้า ศิลาจารึกพระบัญญัติสิบประการที่พระเจ้าทรงให้ไว้ทั้งสองแผ่นวางไว้ข้างใต้พระที่นั่งกรุณา เครูบทองคำแห่งพระสิริกางปีกขึ้น
สูงปกพระที่นั่งกรุณาเหนือหีบพันธสัญญา ข้างละรูป และหันหน้าเข้าหากัน แสงแห่งพระสิริที่ส่องระหว่างเครูบทั้งสองรูปนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า
ม่านจะบังห้องวิสุทธิสถาน (ห้องบริสุทธิ์ชั้นนอก) จากสายตาของประชาชน ขณะที่ปุโรหิตทั้งหลายรับใช้พวกเขาอยู่ที่ลานสนาม ม่านที่สองจะอยู่ข้างหน้าห้องอภิสุทธิสถาน(ห้องบริสุทธิ์ที่สุดชั้นใน) กั้นห้องชั้นในจากปุโรหิตที่เข้ามาในห้องแรก (ห้องชั้นนอก) ของพลับพลา
เมื่อองค์พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เกิดอะไรขึ้นกับม่าน?
“นี่แน่ะ ม่านในพระวิหารก็ฉีกขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่บนตลอดล่าง” มัทธิว 27:51
เมื่อองค์พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ ห้องอภิสุทธิสถานถูกเปิดออก ไม่มีม่านกั้นระหว่างพระเจ้าผู้บริสุทธิ์กับผู้มีความเชื่ออย่างจริงใจอีกต่อไป พระเยซู มหาปุโรหิต ของเราทรงเชื้อเชิญเราเข้าไปเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า (ฮีบรู 10:19-22) เราเข้าไปถึงบัลลังก์แห่งสวรรค์ เพราะพระเยซูทรงเป็นมหาปุโรหิต ของเราประทับอยู่เบื้องขวาพระเจ้า ทำให้เราสามารถอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า เข้าถึงพระทัยของพระบิดาที่เต็มไปด้วยความรัก
ดังนั้นจึงให้เรา “เข้าไปใกล้” ได้