ข้อที่ 4. การจัดรูปแบบองค์กรเพื่อความแข็งแกร่ง

คริสตจักรที่พระเจ้าทรงก่อตั้งขึ้นนั้น มีการจัดระบบระเบียบขอบเขตงานที่ชัดเจน คนใดคนหนึ่งอาจจะเข้าเป็นหรือออกจากการเป็นสมาชิก (มัทธิว 18:15-18) คริสตจักรของพระเจ้า มีการแต่งตั้งผู้นำ และมีสำนักงานใหญ่ของโลกเช่นเดียวกับมีสำนักงานประจำท้องถิ่น (กิจการของอัครทูต 8:14, 14:23, 15:2, 1 ทิโมธี 3:1-13) เมื่อมีคนรับบัพติศมา หมายความว่าเขาได้เข้าเป็นสมาชิกของคริสตจักรและเข้าร่วมในครอบครัวเดียวกันกับพระองค์ (กิจการของอัครทูต 2:41,47)

คริสตจักรยังคงดำรงอยู่ต่อไปเพื่อหนุนใจซึ่งกันและกัน

“ขอให้เราพิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกัน ให้มีความรัก และทำความดี อย่าขาดการประชุม เหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกท่านก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว” ฮีบรู 10:24-25

สภาพภายในของคริสตจักรจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มสมาชิกของคริสตจักรนั้นๆ เปรียบเหมือนเนื้อในเปลือกถั่วนั่นเอง สมาชิกของคริสตจักรมีส่วนช่วยสร้างความเชื่อให้เกิดขึ้นและคอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน พระเจ้าทรงจัดคริสตจักรของพระองค์อย่างเป็นระบบระเบียบเพื่อให้ประชากรของพระองค์เข้มแข็งและพร้อมที่จะรับใช้พระองค์บนโลกนี้ คริสตชนที่ทำงานรวมกันเป็นกลุ่มทำให้เกิดผลงานมากกว่าต่างคนต่างทำ พิจารณาจากคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสเป็นตัวอย่าง คริสตจักรได้ขยายงานด้านการแพทย์ครอบคลุมไปทั่วโลก จากรถบริการสุขภาพเคลื่อนที่ใจกลางเมืองใหญ่จนถึงสถานพยาบาลคลีนิคบนเกาะที่อยู่ไกลออกไปในมหาสมุทรแปซิฟิคตอนใต้ สถาบันการศึกษาของคริสตจักรหลายแห่งให้ความรู้เกี่ยวกับชีวิตที่ดีขึ้นในพระคริสต์แก่เยาวชนนับหมื่นนับแสนคน นับตั้งแต่มหาวิทยาลัยโลมาลินดาผู้บุกเบิกเรื่องการเปลี่ยนหัวใจไปจนกระทั่งโรงเรียนมิชชันนารีเล็กๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในทวีปอาฟริกา คริสตจักรได้จัดตั้งหน่วยงานบรรเทาทุกข์แอดร้าเพื่อช่วยเหลือผู้อดอยากยากไร้ ช่วยสงเคราะห์และบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย โบสถ์ท้องถิ่นได้จัดตั้งศูนย์บริการชุมชนเพื่อบริจาคเสื้อผ้าและอาหารให้แก่คนยากจนและคนไร้ที่อยู่อาศัย สมาชิกโบสถ์แอ๊ดเวนตีสได้ร่วมกันประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าให้กระจายไปทั่วกว่าสองร้อยประเทศ กลุ่มของคริสตชนที่อุทิศตนที่มีการจัดรูปแบบเท่านั้นจึงสามารถแพร่กระจายไปทั่วโลกได้อย่างนี้

พระคริสต์และบรรดาอัครสาวกได้เน้นถึงความจำเป็นของผู้เชื่อในการทำงานเป็นทีม (1 โครินธ์ 12:21-28) ไม่มีส่วนใดของร่างกายที่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ทุกส่วนมีความสำคัญเท่ากันและต้องทำหน้าที่สอดคล้องประสานกันอย่างลงตัว ถ้าดวงตาแยกออกจากร่างกายดวงตาก็ไม่สามารถมองเห็นได้ ถ้ามือถูกตัดออกมือก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ ถ้าเราเป็นดวงตาเป็นมือหรือเป็นนิ้วเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็ไม่สามารถจะสะท้อนให้เห็นถึงพระคริสต์ผ่านทางตัวเราได้ทั้งหมดอย่างแท้จริง ดังนั้นการที่เราเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักร การที่เรามาโบสถ์เพื่อรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมิกชนอื่นๆ จะทำให้เราเป็นคริสตชนที่แข็งแกร่ง

<< หน้าก่อน หน้าถัดไป >>