บทที่ 9. บ้านของท่านในสวรรค์

เมื่อ มาร์โค โปโล กลับไปยังบ้านเกิดที่เวนิสหลังจากที่เขาอยู่ที่โอเรียนท์มาหลายปีเพื่อนหลายคนคิดว่าการเดินทางไกลของเขาทำให้เขาบ้า เขาชอบมีเรื่องเหลือเชื่อมาเล่าสู่กันฟัง

มาร์โคเดินทางไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยแร่เงินและแร่ทอง เขาเห็นหินดำ ที่ลุกไหม้ได้ แต่ไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องถ่านหิน เขาเห็นเสื้อผ้าซึ่งไม่ติดไฟในเปลวเพลิงแต่ไม่มีใครเคยได้ยินเส้นด้ายแร่ใยหินที่ทำให้ไม่ติดไฟ เขาพูดเรื่องงูดึกดำบรรพ์ตัวใหญ่ยาวสิบก้าวมนุษย์พร้อมขากรรไกรที่ขยายได้กว้างพอจะกลืนมนุษย์ได้ ถั่วขนาดใหญ่เท่าศีรษะมนุษย์และมีน้ำสีขาวเหมือนนมอยู่ข้างใน สารที่พ่นขึ้นมาจากพื้นซึ่งจริงๆ แล้วทำให้ตะเกียงติดไฟได้ แน่นอนในสมัยนั้นยังไม่มีใครเคยเห็นจระเข้ มะพร้าวหรือน้ำมันดิบ พวกเขาจึงได้แต่หัวเราะกับเรื่องเล่าเหล่านั้น หลายปีต่อมา เมื่อมาร์โคกำลังจะตาย ชายน่าเลื่อมใสคนหนึ่งยืนข้างๆ เตียงเขา เซ้าซี้ให้เขาลืมเรื่องทั้งหมดที่เขาเคยเล่า แต่มาร์โคยังคงปฏิเสธว่า “เรื่องทั้งหมดเป็นจริงทุกประการ จริงๆแล้วฉันเล่าเรื่องที่ฉันเห็นเพียงครึ่งเดียวด้วยซ้ำ”

บรรดาผู้เขียนพระคัมภีร์ให้ภาพรางๆ ของสวรรค์ซึ่งเหมือนเรื่องของมาร์โคโปโลข้างต้น ในนิมิตคนทั่วไปมักเห็นเป็นสิ่งรุ่งโรจน์สว่างสดใส เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเพ้อฝันซึ่งบรรดาผู้เขียนพระคัมภีร์สามารถอธิบายสิ่งที่เห็นได้เพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น และเราพบความท้าทายเหมือนเพื่อนของมาร์โคโปโล เราต้องพยายามที่จะจินตนาการถึง “จระเข้ และมะพร้าว” ซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นเดียวกัน ภาพสวรรค์เลือนลางที่เราเหลือบมองในพระคัมภีร์ทำให้เรารู้ว่า ที่สวรรค์นั้นยังมีอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่มากกว่า การนั่งบนหมู่เมฆและการนั่งดีดพิณ

ในบทเรียนประกอบด้วย

  1. สวรรค์เป็นสถานที่ที่มีจริงหรือ?

  2. เราจะมีตัวตนแท้จริงในสวรรค์หรือไม่?

  3. เราจะทำอะไรในสวรรค์?

  4. ความชั่วจะคุกคามสวรรค์อีกหรือไม่?

  5. ในสวรรค์มีอะไรน่าตื่นเต้นที่สุด?

  6. ท่านต้องอยู่ที่นั่น

<< หน้าก่อน หน้าถัดไป >>