บทที่ 5. สะพานสู่ชีวิตที่เบิกบานใจ

มีผู้พบโครงกระดูกของกะลาสีนิรนามคนหนึ่งข้างที่กำบังชั่วคราวบนเกาะเปลี่ยวตอนกลางมหาสมุทรแอตแลนติค เขาเขียนบันทึกชีวิตที่ถูกทารุณกรรมตลอดเวลาสี่เดือนของเขา เมื่อปี ค.ศ. 1725 กองเรือรบชาวดัชท์ทิ้งเขาไว้บนเกาะแอสเซนชั่นในข้อหาอาชญากรรม ในไม่ช้าชีวิตเขาตกต่ำจนต้องกินเลือดเต่าแทนน้ำเพื่อดับกระหาย เขาได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัสทางร่างกาย แต่สิ่งที่ทรมานยิ่งกว่าที่เขาบันทึกไว้คือ ความผิดร้ายแรงที่เขาได้ทำลงไปนั่นเอง

เขาเขียนบรรยายอย่างเจ็บปวดว่า “ช่างเจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องถูกทอดทิ้งและตายอย่างอเนจอนาถเหมือนคนบาปที่ถูกสาปแช่งเช่นนี้” การถูกทอดทิ้งที่เลวร้ายที่สุดของกะลาสีคนนี้คือ ความรู้สึกที่ถูกแยกออกจากพระเจ้าของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลือทนจริงๆ ในตอนจบของชีวิต

มนุษย์ต่อสู้ดิ้นรนกับจิตใจที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว นับตั้งแต่อาดัมและเอวา “หลบไปซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ในสวนนั้น ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า” หลังจากที่ได้กินผลไม้ต้องห้าม (ปฐมกาล 3:8) เมื่อพระเจ้าเสด็จมาและเรียกเขาทั้งสอง อารมณ์แปลกใหม่ของความละอายความผิดและความกลัวกระตุ้นให้เขาทั้งคู่วิ่งหนีพระองค์เป็นครั้งแรก น่าเสียดายที่ในปัจจุบันเราคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้เสียจริงๆ

อะไรเป็นสาเหตุทำให้เราแยกจากพระเจ้า?

“แต่ว่าความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เกิดการแยกระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลายได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน” อิสยาห์ 59:2

พระเจ้ามิได้แยกมนุษย์บาปออกจากพระองค์ด้วยเหวลึกนี้ พระองค์มิได้วิ่งหนีอาดัมและเอวา พวกเขาต่างหากที่วิ่งหนีจากพระองค์

ในบทเรียนนี้ประกอบด้วย

    1. การทำจิตใจให้หายอยาก

    2. สะพานทอดข้ามเหวบาปและความตาย

    3. ความจริงสำคัญเกี่ยวกับพระเยซูเจ็ดประการที่ท่านควรทราบ

    4. ความรักที่มั่นคง

<< หน้าก่อน หน้าถัดไป >>