ตั้งแต่ปี ค.ศ.1844 เป็นต้นมา พระคริสต์ในฐานะผู้พิพากษาทรงพิจารณา บันทึกของคนทุกคนที่ยอมรับพระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฐานะผู้พิพากษา พระเยซูจะทรงลบบันทึกความบาปทั้งหมดของคนชอบธรรม ออกจากบันทึกชีวิตพวกเขาบนสวรรค์ (กิจการของอัครทูต 3:19)
เมื่อใดที่ชื่อของท่านถูกเรียกขานในการพิพากษา หากท่านยอมรับพระคริสต์ เป็นผู้รับบาปแทนตัวท่าน ท่านจะเผชิญหน้ากับหนังสือแห่งชีวิต ท่านได้อย่างสบายใจ เมื่อการพิจารณาคนชอบธรรมสิ้นสุดลง พระเยซูจะเสด็จมาในโลกนี้เพื่อประทานบำเหน็จตอบแทนเขา (วิวรณ์ 22:12-14)
ท่านพร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระเยซูหรือยัง? หรือยังมีอะไรอีกที่ท่านปิดบังพระองค์? ท่านพร้อมที่จะสร้างมิตรภาพที่สัตย์จริงอย่างเปิดเผยต่อพระองค์หรือยัง? พระองค์ผู้ทรงสัญญาว่า
“ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” 1 ยอห์น 1:9
การสารภาพบาปมีความหมายง่ายๆ คือ การตกลงที่จะเผชิญบาปของเราและยอมรับการให้อภัยบาปของพระองค์และรับรู้ถึงความต้องการฤทธิ์อำนาจและพระคุณของพระองค์
ขณะที่กษัตริย์ เฟรดเดริค วิลเลี่ยม เสด็จเยี่ยมเรือนจำที่พ็อทสดัม พระองค์ได้รับฟังคดีเพื่อขอผ่อนผันมากมาย นักโทษทั้งหลายมักกล่าวว่า ผู้พิพากษาลำเอียงบ้าง พยานเบิกความเท็จบ้าง หรือทนายไม่ซื่อสัตย์บ้างจึงตัดสินจำคุกพวกเขา จากห้องขังหนึ่งไปยังอีกห้องขังหนึ่ง เรื่องราวความไร้มลทินเหมือนๆกันได้รับการเล่าให้ฟังตลอด
มีห้องขังหนึ่งที่นักโทษไม่พูดอะไร กษัตริย์เฟรด เดริค ตรัสติดตลกว่า “ฉันคิดว่าเธอก็บริสุทธิ์เหมือนกันนะ”
“ข้าแต่พระราชา ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ชายคนนั้นกราบทูล “ข้าพระบาททำผิด สมควรแล้วที่จะได้รับโทษหนัก”
กษัตริย์ทรงหันกลับไปที่ผู้คุมและทรงเปล่งพระสุรเสียงอันดังว่า “มานี่ซิและรีบปล่อยผู้ร้ายคนนี้ออกไป ก่อนที่เขาจะทำให้กลุ่มคน (ที่แกล้งทำตัว) บริสุทธิ์ต้องเสื่อมทรามตามไปด้วย”
เราเตรียมตัวสำหรับการพิพากษาอย่างไร? เราจะเตรียมพร้อมสำหรับพระเยซูที่จะเสด็จมาอย่างไร? ง่ายๆ เพียงสารภาพความจริงอย่างซื่อสัตย์ ฉันสมควรได้รับโทษความตายในบาปของฉันเหลือเกิน มีพระองค์หนึ่งที่ทรงรับโทษแทนฉันและมอบการให้อภัยที่สุดแสนประเสริฐแก่ฉัน
ขอเชิญท่านสัญญากับพระคริสต์ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของท่าน มิตรภาพนี้จะยังคงรักษาไว้ด้วยสายตาที่มองถึงกันอย่างสัตย์ซื่อ และด้วยหัวใจที่ส่งถึงกันด้วยความจริงใจ