มีวิธีไหนช่วยให้สุขภาพดีบ้าง

Post date: 14 พ.ย. 2013, 15:11:32

ความจริงแล้วการมีสุขภาพดีเป็นเรื่องง่ายๆ บทเรียนนี้จะแนะนำพื้นฐานแปดประการที่จะช่วยให้ท่านมีสุขภาพดีดังนี้

1. โภชนาการ

โภชนาการหมายถึง การเรียนรู้ว่าอาหารชนิดใดจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาหารที่เรากินเป็นหนึ่งในจำนวนสิ่งสำคัญที่สุดของการมีสุขภาพดี เพราะอาหารมีผลโดยตรงต่อความรู้สึกนึกคิดและต่อการทำงานของเรา อาหารเป็นที่มาของเชื้อเพลิงทำให้ร่างกายสามารถเดินเครื่องต่อไปได้ พลังงานที่ได้จากอาหารที่ดีจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ร่างกายต้องการมากที่สุด เมื่อท่านเลือกรับประทานอาหารที่ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายของท่านก็จะขาดสารอาหารนั้นได้ ตัวอย่างเช่น การขาดธาตุเหล็ก เป็นสาเหตุรู้สึกหมดเรี่ยวแรงและเหนื่อยง่าย เพราะร่างกายต้องการธาตุเหล็กเพื่อนำเอาอ๊อกซิเจนไปทั่วร่างกาย การขาดธาตุเหล็กจึงหมายถึงร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอ

ดังนั้น เมื่ออาหารเป็นสิ่งสำคั_ญมากถึงขนาดนี้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการคืออะไร อาหารที่มีคุณค่าประกอบด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการ (เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง หรือทำได้อย่างเพียงพอ) สารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกายรวมถึง วิตามิน เกลือแร่ (เช่น ธาตุเหล็กและแคลเซี่ยม) คารโบไฮเดรท โปรตีนบางชนิด ไขมันและน้ำ อาหารทุกชนิดประกอบไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ แต่อาหารบางชนิดอาจมีสารอาหารมากกว่าอีกชนิดหนึ่งจึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องเลือกอาหารที่ดีที่สุด เพื่อร่างกายของท่านจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและเหมาะสมสำหรับการงานของท่ารน

ท่านจะได้เรียนรู้เรื่องอาหารและวิธีการกินที่ถูกสุขลักษณะในบทเรียนเล่มที่ 2 และ 3

2. การออกกำลังกาย

ชีวิตที่มีความพร้อมเพื่อเผชิญกับปัญหาและภาวะกดดัน น็นร็นจำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแรง คนจำนวนมากคิดว่าการมีร่างกายแข็งแรงหมายถึงความสามารถวิ่งมาราธอนได้ แต่ความหมายที่แท้จริงคือ ผู้ที่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่และยังมีพลังงานเหลือสำหรับครอบครัว เพื่อนฝูง และรู้สึกสบายๆ แทนที่จะเหนื่อยล้า

การออกกำลังกายมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยควบคุมน้ำหนักตัว ลดความเครียด กระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และอาจช่วยป้องกันไม่ให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร

เนื่องจากวิถีการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบัน มักจะไม่ค่อยได้ใช้แรงงาน ดังนั้น การออกกำลังกายจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ผู้สูงอายุมักมีกิจกรรมที่ต้องออกแรงน้อยกว่าคนวัยทำงาน หรือเด็กที่ไปโรงเรียน จึงยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกายให้มีความสุขและมีประโยชน์ต่อสุขภาพของท่านจะกล่าวไว้ในบทที่ 4

3. น้ำ

ร่างกายประกอบด้วยน้ำถึงร้อยละ 60 ท่านสามารถมีชีวิตอยู่ได้ 50 วันโดยไม่ต้องรับประทานอาหาร แต่หากขาดน้ำเพียงไม่กี่วัน ร่างกายจะไม่สามารถทนอยู่ได้ น้ำจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิต แต่เรามักจะละเลยไม่เห็นความสำคัญของน้ำที่มีต่อร่างกายของตนเอง

คนจำนวนมากใช้ความรู้สึกกระหายเป็นตัวบ่งชี้ว่า ร่างกายต้องการน้ำ หากแต่ความกระหายเป็นสัญญาณแรกของร่างกายที่บอกให้รู้ว่า ร่างกายกำลังขาดน้ำ ในแต่ละวันเราสูญเสียน้ำจากการขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ และจากการหายใจออก ผู้ใหญ่จึงจำเป็นต้องดื่มน้ำวันละ 6 - 8 แก้ว และในหน้าร้อนหรือในขณะที่ออกกำลังกาย เรายิ่งต้องดื่มน้ำมากขึ้น น้ำเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการทำงานของไต ต่อการรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้พอดี และต่อการไหลเวียนของของเหลวในร่างกาย เราจึงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ

4. แสงแดด

แสงแดดในบ้านเรามีอย่างเหลือเฟือ ขณะที่หลายประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลกมีโอกาสได้รับแสงแดดในแต่ละปีเพียงไม่กี่เดือน จากการวิจัยของประเทศเหล่านั้นพบว่า แสงแดดมีผลทำให้คนรู้สึกร่าเริง สบาย ในประเทศแถบขั้วโลก อาการซึมเศร้าและหมดกำลังใจ จะพบเห็นได้บ่อยมากในฤดูหนาวที่ยาวนาน

แสงแดดไม่เพียงมีผลดีกับความรู้สึกของเราเท่านั้น แสงแดดยังให้วิตามิน ดี ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น โดยร่างกายผลิตวิตามินนี้ขึ้นเมื่อผิวหนังได้รับแสงแดด วิตามินดี เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดูดซึม และใช้แคลเซี่ยมทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรง และยังช่วยควบคุมฮอร์โมนในร่างกาย และการเติบโตของเซลได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม การรับแสงแดดมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นโรคมะเมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น การระมัดระวังไม่ให้ผิวหนังถูกแดดมากเกินไป ด้วยการทาโลชั่นตกันแดด หรือการใส่หมวก จึงมีความสำคัญมาก

5. การประมาณตนในการใช้ชีวิต

การประมาณตนไม่ได้หมายถึงทางสายกลาง หรือความพอพอดี แต่หมายถึงการกินดื่มสิ่งดีสำหรับร่างกาย การใช้ชีวิตที่ส่งเสริมทำให้มีสุขภาพดี หยุดการกระทำทุกสิ่งที่เป็นผลร้ายต่อสุขภาพทั้งหมด การประมาณตนหมายถึงการใช้ชีวิตที่จะเพิ่มคุณภาพที่ดีแก่ตนเอง และทำให้เรารูสึกสบาย บทเรียนที่ท่านกำลังศึกษานี้จึงเน้นความสำคัญของการใช้ชีวิตที่รู้จักประมาณตน

6. อากาศบริสุทธิ์

อากาศที่เราหายใจเข้าไปมีความสำคัญยิ่งต่อสุขภาพของเรา ถ้าเราต้องอยู่กับสภาพอากาศเป็นพิษเป็นเวลานาน นั่นอาจเป็นเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยและตาย ปริมาณของคาร์บอนมอนนอคไซด์ในอากาศที่เพิ่มขึ้น อากาศที่เป็นกรด และปริมาณออกซิเจนในอากาศที่ลดลงมีผลเสียต่อผู้คน ทำให้เกิดปัญหาโรคปอดและโรคหัวใจได้

มนุษย์ไม่เพียงแต่เป็นผู้ทำให้อากาศเสียเท่านั้นไฟป่า ละอองเกสรและฝุ่นละอองในอากาศ ล้วนเพิ่มมลพิษเข้าไปในอากาศ จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายต้องช่วยกันลดมลพิษและช่วยกันปกป้องสภาพแวดล้อม

7. การพักผ่อน

การผ่อนคลาย การพักผ่อน และการนอนหลับมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพ ขณะที่ชีวิตประจำวันเต็มไปด้วยความกดดันและความเร่งรีบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาเวลาผ่อนคบายในแต่ละวัน เพื่อให้ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นภายในกล้ามเนื้อของร่างกายได้ผ่อนคลาย

ฮิว เมคเคย์ นักสังคมวิทยาได้แนะนำไว้ว่า ที่ทุกคนควรจะใช้เวลาหนึ่งวันต่อสัปดาห์ เพื่อการครุ่นคิดและไตร่ตรอง และการพักผ่อน จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด กิจกรรมที่ทำในช่วงนี้ ควรเปิดโอกาสให้เราได้หลุดพ้นจากภารกิจที่ทำอยู่เป็นประจำ กิจกรรมที่เหมาะสมอย่างยิ่ง รวมถึงการเข้าวัด เข้าโบสถ์ การทำสมาธิเดินเล่น เล่นดนตรี และใช้เวลากับสัตว์เลี้ยงในบ้าน การนอนหลับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่ได้นอนเป็นเวลานานๆ เราจะง่วงมากจนไม่สามารถช่วยตนเองได้ อุบัติเหตุจากการหลับในขณะที่ขับรถเป็นอุทาหรณ์ที่ดี คนส่วนมากมีเวลานอนไม่เพียงพอ จากการศึกษาพบว่าคนเราต้องนอนหลับคืนละ 6 - 8 ชั่วโมง แม้เมื่อท่านเข้านอนด้วยสภาพที่หงุดหงิด และจิตใจห่อเหี่ยว เมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น

8. ความวางใจ

ชีวิตที่มีความกดดัน โด่ดเดี่ยว และโกรธ มักจะเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะ เมื่อพบว่า ตนเองตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ลำบาก เช่น โศกเศร้า สูญเสีย ถูกเพื่อนหักหลัง เจ็บไข้ได้ป่วย หรือ การสูญเสียงผู้เป็นที่รัก

ศาสนาที่เป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพ ครอบคลุมคุณค่าและปรัชญาในชีวิตของเรา เพี่อที่จะได้มาซึ่งความสุขทางสุขภาพจิต เราจำเป็นต้องมีความรัก ความเห็นอกเห็นใจ การให้อภัย สันติสุข และความพึงพอใจ การไว้วางใจในอำนาจที่ไม่ใช่เป็นของเรา และวางใจในผู้ที่อยู่รอบๆตัวเรา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมากต่อการมีสุขภาพที่ดี บัญญัติที่สอนให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง คือหลักการพื้นฐานเพื่อที่จะรู้สึกมั่นใจ และเห็นคุณค่าของตนเอง

เราจำเป็นต้องค้นหาความสมดุลระหว่างความต้องการของเราเองและความต้องการของผู้อื่น ผู้ที่ทำตามความต้องการของผู้อื่นมากๆ มักจะไม่มีเวลาให้ตนเอง เขาจะรู้สึกหมดหวัง โกรธ ขมขื่น กลัว กังวล และมองโลกในแง่ร้าย ท่านจำเป็นต้องมีเวลาสำหรับตนเอง เพื่อท่านจะได้รู้สึกสดชื่น และพร้อมที่จะรับใช้ผู้อื่น และทำตามความต้องการของพวกเขา