ข้อที่ 2. พระเจ้าทรงมีข่าวพิเศษในยุคเราหรือไม่?

ถูกต้องแล้ว ข่าวทูตสวรรค์สามองค์ในพระธรรมวิวรณ์ 14:6-16 ทูตสวรรค์ทั้งสามได้รับมอบหมายให้ประกาศข่าวที่สำคัญที่สุดอยู่ที่การเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู (ข้อ 14-16)

(1) ข่าวทูตสวรรค์องค์ที่หนึ่ง

“แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งเหาะไปในท้องฟ้า เพื่อประกาศข่าวประเสริฐนิรันดร์แก่คนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลก แก่ทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษา และทุกชนชาติ ท่านประกาศเสียงดังว่า ‘จงเกรงกลัวพระเจ้า และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแล้ว จงนมัสการพระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และบ่อน้ำพุทั้งหลาย’” วิวรณ์ 14:6, 7

ถึงแม้พระคริสตธรรมคัมภีร์จะพรรณนาข่าวสารสามเรื่องมีสัญลักษณ์เป็นทูตสวรรค์สามองค์ ความจริงแล้วประชากรของพระเจ้าคือผู้ประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วโลก เขาไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐใหม่แต่เป็น “ข่าวประเสริฐนิรันดร์” แก่ชาวโลก “ทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษาและทุกชนชาติ” “ข่าวประเสริฐนิรันดร์” ของพระคริสต์เป็นข่าวเพื่อช่วยให้รอดบาปเหมือนในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมที่ประชาชนยอมรับ “ด้วยความเชื่อ” (ฮีบรู 3:16-19; 4:2; 11:1-40) เป็นคำสอนเดียวกับที่พระเยซูทรงประกาศด้วยพระองค์เอง เป็นข่าวประเสริฐเช่นเดียวกับที่อัครสาวกประกาศ เพื่อเอาชัยชนะของโลกเพื่อพระคริสต์ เป็นข่าวประเสริฐเดียวที่ประกาศก้องตลอดหลายคริสตศตวรรษที่ผ่านมา

ในยุคมืด ข่าวประเสริฐจากพระคริสต์ที่เรียบง่ายและสามารถช่วยให้รอดพ้นบาปได้ เกือบหายไปจากคริสตจักรนานกว่าหนึ่งพันปี แต่การปฏิรูปทำให้ข่าวประเสริฐกลับมาอีกครั้ง ปัจจุบันประชากรของพระองค์ประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วโลก ทูตสวรรค์องค์แรกประกาศข่าวประเสริฐเดียวกัน แต่ปรับใหม่ให้เป็นสากลเพื่อชนทุกชาติในยุคสุดท้ายก่อนพระเยซูจะเสด็จมาครั้งที่สอง

ผู้ใดที่ยอมรับข่าวประเสริฐ “เกรงกลัวพระเจ้าและถวายพระเกียรติแด่พระองค์ [สะท้อนให้เห็นพระลักษณะของพระองค์]” เขาแสดงให้โลกเห็นถึงความรักของพระเจ้า ไม่ใช่เพียงคำพูดเท่านั้น แต่รวมถึงการดำเนินชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของพวกเขา เขาจะเปิดเผยถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำโดยมนุษย์ผู้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณของพระคริสต์

การประกาศข่าวทูตสวรรค์สามองค์ทั่วโลกจะทำเมื่อไร? เมื่อ ชั่วโมง “การพิพากษา” ของพระผู้เป็นเจ้า “ได้มาถึง” ในบทเรียนบทที่ 13 อธิบายว่าพระเยซูทรงเริ่มการพิจารณาพิพากษาล่วงหน้าและหนุนใจชนชาติทั่วโลกเริ่มในปี ค.ศ. 1844 พระเยซูทรงดลใจให้ประชาชนทั่วโลกเพื่อประกาศข่าวสารในพระธรรมวิวรณ์บทที่ 14

ข่าวนี้เรียกให้เรา “จงนมัสการพระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ [และ] แผ่นดินโลก” (วิวรณ์ 14:7) พระเจ้าทรงให้เรา “ระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์” เพราะ “ในหกวันพระเจ้าทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ” (อพยพ 20:8-11) ในปี ค.ศ. 1844 เมื่อนักวิวัฒนาการนิยมชื่อ ชาลส์ ดาร์วิน เสนอทฤษฎีวิวัฒนาการ ในขณะเดียวกัน พระเจ้าทรงเรียกชนทุกชาติให้กลับมานมัสการพระผู้สร้าง เป็นเวลาเดียวกับที่ บรรดาผู้ประกาศข่าวทูตสวรรค์สามองค์ ค้นพบวันที่เจ็ดว่าเป็นวันสะบาโตตามพระวจนะของพระเจ้า และเริ่มรักษาวันนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติแด่พระผู้สร้างแผ่นดินฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก

(2) ข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สอง

“ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นองค์ที่สองตามไปประกาศว่า ‘บาบิโลนมหานครนั้นพังทลายแล้ว! พังทลายแล้ว นครที่ให้ทุกประชาชาติดื่มเหล้าองุ่นแห่งราคะในการล่วงประเวณีของนาง’” วิวรณ์ 14:8

ทูตสวรรค์องค์ที่สองเตือนว่า “บาบิโลนมหานครนั้นพังทลายแล้ว” พระธรรมวิวรณ์บทที่ 17 พยากรณ์ถึงบาบิโลนฝ่ายจิตวิญญาณ ว่าเป็นเหมือนหญิงแพศยา (ข้อ 5) นางอยู่ตรงกันข้ามกับหญิงพรหมจารีในพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 12 ซึ่งเป็นหญิงที่แทนถึงโบสถ์คริสเตียนที่แท้จริงหญิงซึ่งแทนบาบิโลนคือหญิงที่เสื่อมโทรมซึ่ง “ให้ทุกประชาชาติดื่มเหล้าองุ่นแห่งราคะในการล่วงประเวณีของนาง” เหล้าองุ่นแห่งหลักคำสอนศาสนาที่ไม่ถูกต้องได้แทรกซึมผ่านมายังคริสตชน เหมือนการล่วงประเวณี ข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สอง เรียกชนชาติของพระเจ้าให้คัดค้านการสอนที่ผิดๆ ของคริสตชนที่ออกนอกลู่นอกทาง

บาบิโลนเป็นตัวแทนการผสมผสานคริสตชนที่นอกลู่นอกทาง บาบิโลนเป็นนครอันตรายเพราะคริสตจักรเสนอความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าผิดๆ เหมือนภาพล้อเลียนพระเจ้าที่ผูกใจเจ็บอาฆาตแค้นและโลภ หรือเป็นผู้เฒ่าใจอ่อนที่แสนดีจนไม่เอาเรื่องเอาราวคนทำบาป คริสตจักรที่เข้มแข็งต้องเสนอภาพพระลักษณะของพระเจ้าทุกด้านอย่างเหมาะสม และแสดงวิธีพิพากษาและพระเมตตาของพระองค์ที่เป็นความจริง ให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก

พระเจ้าทรงเรียกบรรดาคนทั้งหลายให้ “ออกมาจาก” นครบาบิโลน (วิวรณ์ 18:4) เพื่อไม่ยอมรับคำสอนพระคัมภีร์ที่ไม่ถูกต้อง และติดตามคำสอนของพระคริสต์

(3) ข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สาม

“และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นองค์ที่สามก็ตามไปประกาศด้วยเสียงดังว่า ‘ถ้าใครบูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และรับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา คนนั้นจะต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งความกริ้วของพระเจ้าที่เทลงในถ้วยแห่งพระพิโรธของพระองค์โดยไม่เจือปนสิ่งใด.....พวกที่บูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และใครที่รับเครื่องหมายซึ่งเป็นชื่อของมัน จะไม่ได้หยุดพักเลยทั้งกลางวันและกลางคืน’ นี่แหละคือความทรหดอดทนที่พวกธรรมิกชนจะต้องมี คือพวกที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และจงรักภักดีต่อพระเยซู” วิวรณ์ 14:9-12

ข่าวทูตสวรรค์องค์ที่สามแบ่งโลกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยู่ข้างคริสตชนที่บูชา “สัตว์ร้ายและรูปของมันและรับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา” และอีกฝ่ายหนึ่งคือ กลุ่มที่ปฏิเสธอำนาจของสัตว์ร้าย คือ “ธรรมิกชน...ที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าและจงรักภักดีต่อพระเยซู”

ให้สังเกตทั้งสองกลุ่มที่ขัดแย้งกันอยู่ ฝ่ายที่รับเครื่องหมายสัตว์ร้ายคือกลุ่มผู้นมัสการที่ประนีประนอม ชอบเอาสะดวกและทำตามความคิดที่มนุษย์กำหนดขึ้น อีกกลุ่มหนึ่ง “ธรรมิกชนทั้งหลาย” ที่มีคุณสมบัติต่างออกไปคือ “ทรหดอดทน” เชื่อฟัง “พระบัญญัติของพระเจ้า” และ “จงรักภักดีต่อองค์พระเยซู”

หลังจากที่ข่าวทูตสวรรค์ทั้งสามองค์ประกาศไปทั่วโลก พระเยซูจะเสด็จมา “เก็บเกี่ยว” ผู้ที่รอดบาป

“ข้าพเจ้าเห็น นี่แน่ะ มีเมฆสีขาวและผู้หนึ่งประทับอยู่บนเมฆนั้น ‘เหมือนบุตรมนุษย์’ มีมงกุฎทองคำอยู่บนพระเศียร และมีเคียวอันคมกริบอยู่ในพระหัตถ์ และมีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหารร้องทูลพระองค์ผู้ประทับอยู่บนเมฆนั้นด้วยเสียงดังว่า ‘จงใช้เคียวของพระองค์เก็บเกี่ยวเถิด เพราะถึงเวลาเกี่ยวแล้ว เพราะว่าผลที่ต้องเก็บเกี่ยวบนแผ่นดินโลกสุกงอมแล้ว’ และพระองค์ผู้ประทับอยู่บนเมฆก็ทรงตวัดเคียวไปบนแผ่นดินโลก และแผ่นดินโลกก็ถูกเก็บเกี่ยว” วิวรณ์ 14:14-16

<< หน้าก่อน หน้าถัดไป >>