ข้อที่ 2. แบ่งปันเรื่องของพระคริสต์ด้วยวิธีการดำเนินชีวิตของเรา

ชายหนุ่มเติบโตมาในบ้านที่มีแต่การทารุณ เขาให้ข้อสังเกตว่า “ฉันมองไปที่พ่อแม่ซึ่งเป็นตัวอย่างให้ฉันเห็นภาพของพระเจ้าที่บิดเบือนไป ฉันไม่เคยเห็นตัวอย่างของคนที่รักฉันจริง” สิ่งที่คนรอบข้างต้องการมากสุดคือการเห็นใครสักคนที่สะท้อนภาพของพระเจ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาเหล่านั้นต้องการใครสักคน “ที่มีเนื้อหนัง” ซึ่งมีบุคลิกลักษณะเหมือนพระเจ้า การเทศนาที่ทรงพลังมากที่สุดของเราเกิดจากการดำเนินชีวิตของเราทั้งหลาย ก่อนที่ใครจะสนใจว่าท่านรู้มากน้อยแค่ไหน เขาเหล่านั้นอยากรู้ก่อนว่าท่านสนใจพวกเขามากน้อยเพียงใด เปโตรกระตุ้นเราว่า

“จงรักษาความประพฤติอันดีของพวกท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ [ไม่ใช่คริสตชน] เพื่อว่าเมื่อพวกเขาใส่ร้ายพวกท่านว่าประพฤติชั่ว พวกเขาจะได้เห็นคุณความดีของพวกท่านและจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมาเยือน...เพราะพระเจ้าทรงเรียกพวกท่านเพื่อจุดประสงค์นี้ เพราะว่าพระคริสต์ทรงทนทุกข์เพื่อพวกท่าน พระองค์ทรงวางแบบอย่างแก่พวกท่าน เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์” 1 เปโตร 2:12, 21

เพราะว่า “พระคริสต์ทรงทนทุกข์” เพื่อเราที่คาลวารี เรามีตัวอย่างความรักที่เสียสละอยู่ใกล้แค่เอื้อม ความรักเดียวกันนี้ (เกิดขึ้นซ้ำกับเราเพื่อให้เราแสดงความรักแบบนั้นต่อคนอื่นๆ) สามารถกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงอานุภาพ สามารถดึงผู้ไม่มีความเชื่อเข้ามาในอ้อมกอดพระคริสต์ได้

<< หน้าก่อน หน้าถัดไป >>