12. ความภูมิใจในศักดิ์ศรีของตนเอง

ท่านอาจจะไม่ใช่นางแบบหรือนายแบบเดินบนเวทีเพื่อโชว์ตัว หรือเคยชนะเลิศกีฬาระดับประเทศหรือระดับโลก ไม่เคยมีใครมอบรางวัลบุคคลดีเด่นระดับประเทศหรือระดับโลกให้แก่ท่าน โรคมะเร็งที่ตนเองเป็นอยู่ก็ยังรักษาไม่หายหรือยังไม่เคยนัดเที่ยวกับดาราภาพยนต์ชื่อดัง หรือนักกีศาผู้มีชื่อเสียง คนบนโลกนี้มีนับพันล้าน ๆ คน แต่ไม่มีใครที่เหมือนตัวเราสักคนหนึ่ง ท่านสมควรได้รับความรักและได้รับเกียรติ เพราะท่านคือเจ้าของตัวเอง

ถ้าคิดว่าตนเองจะมีสุขภาพดี ก็จะดีอย่างที่คิด ไม่เพียงจิตใจดีเท่านั้น ร่างกายควรมีสุขภาพดีด้วย

การเห็นคุณค่าชีวิตของตนเองคืออะไร

การมองเห็นคุณค่าชีวิตของตนเอง (หรือการมีความมั่นใจในตัวเอง) คือความรู้สึกพึงใจในตนเอง และมั่นใจในตัวเอง เห็นคุณค่าของตนเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เช่นเดียวกับเด็กคนหนึ่งที่กล่าวว่า “หนูเป็นคนสำคัญ เพราะพระเจ้าไม่ได้สร้างคนเราให้มาเป็นขยะ”

บุคคลผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูงอย่างเหมาะสม มีทัศนคติในทางบวกและจริงใจเกี่ยวกับความคิดว่า

  • เขาเป็นใคร

  • เขามีความสามารถด้านใด

  • บทบาทที่แสดงออกมา ทั้งในบ้านและในสังคมรอบข้าง

การเห็นคุณค่าชีวิตตนเองช่วยทำให้ท่านรู้สึกดีต่อคนรอบข้าง หากท่านสามารถชื่นชอบตัวเอง แม้ว่าตัวเองไม่ใช่คนสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง จากนั้นท่านก็จะเห็นว่าคนอื่นก็มีความชื่นชอบในตัวเขาเอง ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง การมีทัศนะเช่นนี้จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้น

อะไรทำลายการเห็นคุณค่าในตัวเอง

1. ความสัมพันธ์และครอบครัว

สาเหตุหลักที่มีผลและมีอิทธิพลต่อการเห็นคุณค่าในตัวเองคือครอบครัวเป็นสำคัญ การมองไม่เห็นคุณค่าตัวเองมีสาเหตุจากสิ่งต่อไปนี้

  • ความคาดหวังในสิ่งที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ เมื่อบิดามารดาตั้งความหวังในตัวลูกไว้สูงเกินไป เด็กก้าวไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองล้มเหลวแม้ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ดังนั้น การตั้งเป้าหมายไม่สูงจนเกินไปนัก จะทำให้เด็กรู้สึกว่าเขาทำได้และเชื่อในความสามารถของตนเอง

  • รักโดยไม่มีข้อแม้ จากเหตุผลต่าง ๆ เด็กสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกว่าเมื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ พ่อแม่จะรักเขา แทนการคิดว่าพ่อแม่รักเขาโดยไม่มีเงื่อนไข เหตุผลดีที่สุดในการรักและให้ความรักแก่เด็กคือ “รัก” เขาโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น

  • การอย่าร้าง การนอกใจ และการหักหลัง เด็กมักโทษตัวเองว่าเขาเป็นเหตุทำให้พ่อแม่เกิดความแตกร้าว หรือรู้สึกว่าพ่อแม่กำลังจะทิ้งเขาไป เป็นความรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ถูกทอดทิ้ง ครอบครัวที่มีปัญหาเช่นนี้ได้ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกว่าไม่มีใครรักเขา ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าชีวิตด้อยค่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ครอบครัวควรเป็นผู้บอกกล่าวว่าเขาเป็นใครมีความสำคัญต่อครอบครัวอย่างไร เป็นการยากที่เขาจะเดินถอยออกจากสภาพการณ์เหล่านี้และแก้ไขเหตุของปัญหา ทำอย่างไรเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น ถ้าเป็ดรูปร่างไม่สวยยังสามารถบินได้ นี่ไม่ใช่นิยาย จึงไม่ควรให้ภูมิหลังของครอบครัวควบคุมชีวิตของท่านตลอดไป บทเรียนนี้จะกล่าวถึงในหน้าต่อไป

2. ความสำเร็จและความล้มเหลว

การมีทัศนะเกี่ยวกับความสามารถและความสำเร็จของตนเองส่งผลต่อการเห็นคุณค่าชีวิตและสิ่งอื่น ๆ ในชีวิตของผู้นั้นอย่างมาก จาการศึกษาวิจัยกลุ่มประชาชนสองกลุ่ม โดยแบ่งตามความรู้สึกและความเชื่อมั่นที่เขามีต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของตนเอง และทราบสาเหตุของปัญหา การศึกษานี้กระทำขึ้นในโรงเรียน แต่สามารถนำเอาหลักการที่ได้รับมาไปใช้ในสถานที่ทำงานและในด้านอื่นของชีวิตได้เช่นกัน โดยพบว่า

ก. ผู้มีลักษณะการเป็นผู้นำ ควบคุมชีวิตของตนเองได้ดี เป็นผู้มีเป้าหมายสร้างความสำเร็จในชีวิต รู้สึกมั่นใจในว่าความทักษะที่ตนเองมีอยู่สามารถนำไปพัฒนาให้ดีขึ้นได้ คนเหล่านี้ใส่ใจเป้าหมายที่เขามีเป็นหลัก เพื่อเพิ่มทักษะและความสามารถให้มากยิ่งขึ้น เขาไม่กลัวความล้มเหลว เพราะเมื่อล้มลงก็ยังรู้ว่าตนเองเป็นใคร ความล้มเหลวไม่สามาถทำให้เกิดความหวาดหวั่นในการแข่งขัน หรือมองไม่เห็นคุณค่าในตนเองได้ สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถตั้งเป้าหมายที่ยากจะไปถึงบรรลุ ภาระกิจที่เสี่ยงและสามารถเอาชนะความล้มเหลวที่ท้าทายอย่างสร้างสรรค์ เขามีความรู้สึกว่าความสำเร็จของตนเองเกิดจากการทำงานหนัก จึงมีความพร้อมรับผิดชอบ เรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมของตนเองเป็นอย่างดี

ถ้าหากท่านมีลักษณะความเป็นผู้นำ ควบคุมชีวิตของตนเองได้ดี ท่านก็จะ

  • สามารถทำหน้าที่เมื่อต้องแข่งขันกับผู้อื่นได้ดี

  • เรียนรู้ได้รวดเร็ว

  • มีความมั่นใจในตัวเองสูงและมีพลัง

  • ยอมรับปฏิกิริยาตอบรับจากผู้คนรอบข้าง (ไม่รู้สึกกลัวสิ่งเหล่านั้น)

  • กล้าเรียนรู้ “ระเบียบปฏิบัติ” เพื่อจะทำให้ตนเองได้รับความสำเร็จ

  • มีความอดทนต่อความตึงเครียดเพราะมีความสามารถวิเคราะห์และจัดการกับสิ่งต่าง ๆ รอบข้างได้เป็นอย่างดี

ข. เป็นผู้หลีกเลี่ยงความล้มเหลว ไม่สามารถแยกตัวเองได้จากสิ่งที่เขากระทำว่าเขาคือใคร คนเหล่านี้รู้สึกดีถ้าได้รับความสำเร็จและมักไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า หรือเอาชนะได้จนกว่าเขาสามารถทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งสำเร็จเสียก่อน ซึ่งจะผลักดันให้เขาตั้งเป้าหมายขึ้นมาได้

คนเหล่านี้มีความรู้สึกไวต่อความพ่ายแพ้ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งบ่งบอกความเป็นตัวตนของเขาเอง ความล้มเหลวกลายเป็นสิ่งทำลายการเห็นคุณค่าตัวเอง จึงพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งนี้อย่างเต็มที่ เมื่อใดที่รู้สึกว่าตนเองได้รับความสำเร็จ จะหลีกเลี่ยงความล้มเหลวด้วยการเสี่ยงให้น้อยที่สุด ยึดติดกับสิ่งที่ตนเองรู้เท่านั้น เมื่อใดที่รู้สึกว่าได้รับความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ ก็จะใช้ความล้มเหลวนั้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อหาวิธีหลีกเลี่ยง เช่น

  • วิตกล่วงหน้า – “ถ้าคุณยังไม่เริ่มทำ จะล้มเหลวได้อย่างไร”

  • ขาดความพยายาม – “ฉันไม่ได้อยากลองทำอยู่แล้ว”

  • ตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป – “อ๋อ ฉันไม่คิดหรอกว่าจะไปถึงดวงดาวได้”

  • ตั้งเป้าหมายไว้ต่ำ คิดว่ายังอย่างไรก็ต้องทำได้ – “อย่างน้อย ฉันทำสำเร็จได้บ้าง”

  • ไม่สนใจ เพิกเฉย – “ไม่ได้สำคัญสำหรับฉัน มีอย่างอื่นที่ทำได้ดีกว่านี้อีกมากมาย”

น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านี้แสดงถึงการหลีกเลี่ยงต่อความล้มเหลว ปกติมักทำให้ล้มเหลวในการหลีกเลี่ยงความผิดพลาดยิ่งขึ้น หากความล้มเหลวยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดคนนั้นยึดมั่นว่าตนเองไม่สามารถแข่งขันได้ หมดความอดทนและกลายเป็นคนยอมจำนนต่อความล้มเหลว

ค. คนที่ยอมรับความล้มเหลว คาดว่าทุกสิ่งที่ทำจะล้มเหลวเกือบทุกอย่าง คนแบบนี้มักไม่ยึดติดกับตัวเองแทบจะไม่เห็นคุณค่าในตัวเองเลย เขาเชื่อว่าปัญหาของตนเองเป็นตัวการทำให้เป็นคนไร้ความสามารถ ความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงมีอยู่น้อยนิด ทัศนะแบบนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดความมากยิ่งขึ้น รู้สึกว่านี่ยิ่งกว่าสิ่งพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นคนไม่มีความสามารถอะไร กลายเป็นคนจิตใจห่อเหี่ยว เฉื่อยชา เฉยเมย และหมดหวัง ข่าวดีก็คือ คนกลุ่มนี้สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้โดยการเปลี่ยนแนวคิดและมีทัศนคติให้ดีขึ้น เขาต้องรู้จักวิธีมองโลกในแง่ดีและเปลี่ยนแปลงทัศนะของตนเองเสียใหม่

3. ทางเลือกของเราเอง

จากบทเรียนนี้ท่านอาจเขียนเหตุผลยืดยาวว่าทำไมจึงคิดว่าตนเองเป็นคนไม่มีคุณค่าอะไร ถึงกระนั้นก็ตาม ทุกคนล้วนมีคุณค่าด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าเขาทำอะไร มีบทบาทอะไรในชีวิต ขับขี่รถยี่ห้ออะไร มีบ้านหลังเล็กหรือใหญ่ การจะเป็นคนมีคุณค่าหรือไม่นั้นอยู่ที่ทัศนะของเขาต่างหาก

“จงมองโลกในแง่ดีเสมอ”

การเป็นผู้มองโลกในแง่ดีย่อมเป็นผลดีและสามารถช่วยท่านในการ

  • • แก้ไขอารมณ์ของตัวเอง เห็นคุณค่าของตนเองมากขึ้น และทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น

  • ลดความห่อเหี่ยว ความวิตกกังวลและความเกลียดชังลง

  • ลดความเจ็บปวดทางร่างกายลง

  • พยายามทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์

  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ดี

  • ปรับเปลี่ยนชีวิตให้มีความยืดหยุ่นบ้าง อย่ายึดติดกับอะไรมากเกินไป

ทำอย่างไรจึงจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี

  • เลือกจำแต่เฉพาะเหตุการณ์ที่ดีในอดีต และไม่ทำให้เราเสียใจ

  • มองแต่ปัจจุบันให้ดี

  • มองไปยังอนาคตว่าจะทำอย่างไรให้สำเร็จได้บ้าง แทนการคิดว่าทำไม่ได้

  • มองปัญหาที่น่ากลัวว่าเป็นสิ่งท้าทาย ปัญหามีไว้ให้แก้ไข

  • เชื่อในโลกแห่งความจริง มีเหตุมีผลและการทำหน้าที่ของตนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้

ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขความล้มเหลว

ส่วนใหญ่คนเรามักจะมองความล้มเหลวในเชิงลบ แท้จริงแล้วความล้มเหลวสามารถมองในเชิงบวกได้หากเราทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป และสิ่งนั้นทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไร ผู้มีชัยชนะล้วนเคยผ่านความล้มเหลวมามากกว่าผู้แพ้ เราเรียนรู้วิธีจากความล้มเหลวของตนเองได้มากกว่าจากผู้ที่ได้รับความสำเร็จก่อนหน้าเราเสียอีก

โทมัส เอดิสัน ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟเป็นคนแรกของโลก ล้มเหลวมากมายหลายครั้งจนหมดความพยายาม มีคนเยาะเย้ยถากถางมากมาย แต่เมื่อถูกถามว่า คุณล้มเหลวกี่ครั้งแล้ว เขากลับตอบว่า เขาไม่เคยล้มเหลวเลย เพราะอย่างน้อยก็ทราบวิธีทำหลอดไฟอีกหลายพันวิธี นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เรามีความคิด ทัศนคติที่ดีและเอาชนะความล้มเหลวได้

ช่วยให้ผู้อื่นรับมือกับความล้มเหลว

ไม่ว่าท่านจะเป็นใครหรือมีบทบาทอะไรในครอบครัวหรือในสังคม ท่านเป็นผู้มีอำนาจจูงใจ การเห็นคุณค่าในตนเองของคนเหล่านั้นเสมอ หากท่านเป็นครู พ่อแม่ผู้ปกครองบทบาทของท่านยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ท่านอาจสามารถช่วยป้องกันคนที่หลีกเลี่ยงความล้มเหลวจากการกลายเป็นคนยอมรับความล้มเหลวได้ โดยการช่วยเขาให้ค้นพบเป้าหมายใหม่ที่เป็นจริงยิ่งขึ้นได้ นอกจากนี้คนเหล่านี้อาจต้องการความช่วยเหลือในการก้าวไปสู่สิ่งที่เขาทะเยอทะยานที่สูงขึ้น ไม่ว่าเขาจะเผชิญกับปัญหาใด ทั้งในเรื่องเพศ ศีลธรรม ว่าสิ่งนั้น “ควร” หรือ ”ไม่ควร” กระทำ การสนับสนุนเช่นนี้สามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้

มีวีธีใดสร้างความรู้สึกดีเพื่อตัวเอง

  • ตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี

  • มีกำลังใจทำสิ่งนั้นจนสำเร็จ ไม่ว่างานนั้นจะเล็กหรือใหญ่

  • หากเคยล้มเหลว ให้ใคร่ครวญดูว่าเกิดความผิดพลาดตรงไหน และค้นหาวิธีแก้ไขใหม่ อย่าปล่อยตัวให้จมอยู่กับความผิดพลาดและความล้มเหลว เพราะอาจทำผิดพลาดซ้ำอีก

  • พยามยืดหยุ่นบ้าง มีวิธีอื่นอีกมากมายในการแก้ไขสิ่งที่ท้าทายเราอยู่

  • พยายามทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้น อย่าอยู่เฉยรอให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเอง ริเริ่มลงมือ เมื่อทำผิดพลาดอย่าตกใจ ให้สิ่งนั้นเป็นบทเรียนแก่ตนเอง

  • พยายามหลีกเลี่ยงการขอคำแนะนำจากผู้อื่นบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ท่านไม่เชื่อมั่นการตัดสินใจในตัวเองและไม่มีความมั่นใจในตัวเอง บางคนอาจโกหกความจริงที่เกิดขึ้นเพื่อปกป้องท่านเอง หากต้องการคำแนะนำ ควรถามเพื่อจะได้เสียงสะท้อนที่สร้างสรรค์ หมายถึงการที่ท่านยอมให้คนอื่นพูดในสิ่งที่เขาคิดอย่างแท้จริง เพื่อจะเป็นสิ่งที่ช่วยท่านได้อย่างแท้จริง

คุณค่าทางจิตวิญญาณของชีวิต

ชีวิตคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา ขณะที่มองหาเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

คุณค่าทางจิตวิญญาณมีผลต่อชีวิตของคนเราอย่างไร

  • ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองมีค่า มีคนรักและเห็นคุณค่าในตัวท่าน

  • ก่อให้เกิดความเข้าใจ ชีวิตมีความหมาย

  • สร้างความมั่นใจและความหวังในอนาคต

  • แสดงให้เห็นวิธีรักและยอมรับผู้อื่น

  • เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับชีวิตและความเป็นคน

คุณค่าของการเชื่อพระเจ้า

ความเชื่อพระเจ้าก่อให้เกิดสิ่งต่อไปนี้

  • จุดมุ่งหมายและจุดประสงค์ของชีวิต

  • มีกรอบการวางแผนการเพื่อจัดลำดับความสำคัญในหน้าที่ว่าสิ่งใดควรมาก่อนหรือหลัง

  • มีวีธีใส่ใจความคิดเห็นของตนเอง

  • เป็นสิ่งสนับสนุนการใช้ชีวิตเพื่อการมีสุขภาพดี

  • เปิดโอกาสพบปะกับผู้คนในสังคมมากมาย

  • เป็นสิ่งสนับสนุนนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้อื่น

  • มีเหตุผลในการช่วยเหลือผู้อื่น

  • ไม่เห็นแก่ตัว

มีการศึกษาวิจัยพบว่าคนที่มีศาสนาย่อมมีสิ่งต่อไปนี้

  • มีความเครียดน้อยกว่า

  • มีความเสี่ยงต่อนิสัยทำร้ายตัวเองน้อยลง เช่น การฆ่าตัวตาย สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือใช้ยาเสพย์ติด

  • มีความพอใจในชีวิตมากขึ้น

วิธีค้นหาคุณค่าทางจิตวิญญาณ

  • การอธิษฐาน – เป็นสิ่งที่เริ่มทำได้ง่ายที่สุด

  • พัฒนาความเชื่อ – ผูกพันตัวเองกับพลังจากเบื้องบนที่เหนือกว่า

  • อ่านหนังสือที่ดี – ศึกษาชีวิตผู้ที่ประสบความสำเร็จว่าเขาทำได้อย่างไร

  • ฝึกแบ่งความรักให้กับคนอื่น – เป็นความลับของการมีชีวิตอยู่

  • อ่านพระคัมภีร์ไบเบิล – คู่มือชีวิตที่สำคัญยิ่งกว่าหนังสือใดเล่มใดในโลก

ทำอย่างไรจึงจะคิดแบบมองโลกในแง่ดี

1. เรียงลำดับความคิดของตนเอง

ระวังการคิดแง่ลบเกี่ยวกับตัวเอง ให้ก้าวแรกของความคิดเป็นแง่บวกกับตัวเองจะดีกว่า

2. ถามคำถามในแง่ร้ายกับตัวเอง

10 คำถามเพื่อใช้ถามเมื่อพบว่าตัวเองเริ่มจะคิดในทางแง่ลบแล้ว

  1. ฉันค้นพบแล้วหรือยังว่าอะไรคือสิ่งรบกวนฉัน

  2. ฉันทำให้เหตุการณ์นี้ใหญ่โตเกินจริงหรือเปล่า

  3. ฉันคิดมากไปเองหรือเปล่า

  4. ฉันกังวลมากเกินไปหรือเปล่า

  5. ฉันคิดในทางเลวร้ายมากเกินไปหรือเปล่า

  6. ฉันกำลังทำให้เป็นเรื่องไม่จริง หรือไม่ยุติธรรมหรือเปล่า

  7. ฉันมีหลักฐานสนับสนุนความคิดของตนเองเปล่า

  8. ฉันทำให้เป็นเรื่องส่วนตัวมากเกินไปหรือเปล่า

  9. ฉันทำให้แง่บวกลดลงใช่ไหม

  10. ฉันคาดหวังว่าจะสมบูรณ์แบบหมดทุกอย่างหรือไม่

3. ไม่ปกปิดสิ่งต่างๆ ที่ตนเองเชื่อ

สิ่งสำคัญและจำเป็นคือ ความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้ท่านคิดถึงตัวเองในแนวทางที่เป็นอยู่ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความเชื่อลึก ๆ ที่ท่านเองไม่เข้าใจ หรือสิ่งใดที่เป็นอุปสรรคทำให้ท่านไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่นที่ไม่ใช่เพศเดียวกับตนเอง

4. ท้าทายกับสิ่งที่ตนเองคิดว่า “ควร”

ความเชื่อมั่นตนเองในใจส่วนลึกของท่าน มักเกี่ยวข้องกับคำว่า “ควร” ตัวอย่างเช่น ท่านอาจรู้สึกว่าตัวเองควรผอมลง หรือควรทำคะแนนอันดับสูงสุดของชั้นเรียน หรือควรได้เป็นผู้จัดการดูแลแผนกที่ตนเองทำงาน

5. ยืนหยัดในสิ่งที่ตนเองเห็นพ้อง

ให้กำลังใจตนเองด้วยการคิดในแง่บวกเกี่ยวกับตนเอง แม้ว่าอาจเป็นเพียงเป้าหมายที่คิดไว้ ที่ขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้นหรือยังไปไม่ถึง

6. สร้างความรู้สึกว่าตัวเองควบคุมได้

ความรู้สึกว่าตนเองสามารถควบคุมสิ่งใดก็ได้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นอำนาจหรือการบังคับบัญชาเพื่อทำอะไรก็ได้ แต่หมายถึงความเข้าใจที่ท่านคนเดียวเท่านั้นที่มีอำนาจสูงสุดในการควบคุม ดูแลสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และควบคุมสิ่งที่ตนเองเลือกตัดสินใจ

7. เพ่งเป้าหมายที่ได้รับ

เขียนรายการความสามารถและพรสวรรค์ที่ตนเองมีซึ่งทำให้ท่านรู้สึกว่าตนเองเป็นคนพิเศษทีไม่เหมือนคนอื่น อาจเป็นทักษะที่ซับซ้อน สิ่งที่ทำสำเร็จแล้ว ลักษณะนิสัยที่ติดตัวมาที่ทำให้ท่านไม่เหมือนกับผู้อื่น เช่น ความเป็นคนสุขุม ความสามารถมุ่งมั่นในหน้าที่ของตนเอง และความสามารถทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกสบายใจ เพราะความเป็นมิตรและลักษณะความเป็นคนผ่อนหนักผ่อนเบา

8. แสดงออกมาราวกับว่า…

การแสดงความรู้สึกออกมาราวกับว่าสิ่งดีที่เกิดขึ้นเป็นจริง ท่านสามารถกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกและความคิดในทางบวก นี่คือสิ่งสำคัญเพื่อท่านสามารถแสดงออกในแนวทางที่เป็นบวก ด้วยความมั่นใจว่าตนเองจะมีความรู้สึกว่าความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะความสามารถของตนเอง

9. ใส่ใจ

ระวังความคิดและพฤติกรรมของตนเองที่สะท้อนให้เห็นว่าท่านมีความรู้สึกว่าอย่างไรกับตัวเอง

มองไปข้างหน้า..…

ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้ศึกษาด้วยความสนใจและได้รับประโยชน์จากบทเรียนชุดนี้ (เห็นแล้วใช่ไหมว่า เราเห็นคุณค่าของตนเองมากขึ้น!) บทเรียนนี้เป็นบริการเพื่อสังคม จัดทำขึ้นมาโดย โรงเรียนพระคริสตธรรมทางไปรษณีย์วิถีชีวิต นอกจากบทเรียนชุดนี้แล้ว โรงเรียนมีชุดอื่นที่จะให้ความรู้ในด้านต่าง ๆ แก่ท่าน ขอเชิญท่านสมัครเรียน ด้วยการแจ้งความประสงค์ของท่านไป เราจะจัดส่งบทเรียนชุดใหม่มาให้ด้วยความยินดี